แต่ก็มีนักท่องเที่ยวอีกหลายคนที่ยังขับรถไปสู่หุบเขานั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานต้องคอยอธิบายให้ทราบว่า หุบเขาแห่งนี้ไม่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้อีกต่อไป

        ถึงกระนั้นนักท่องเที่ยวก็ยังพยายามเกลี้ยกล่อมเจ้าหน้าที่อุทยานเพื่อขอให้เปิดทางให้เข้าชมหุบเขา บางคนถึงกับเสนอให้เงินตอบแทนหากเจ้าหน้าที่ตกลงที่จะช่วย ซึ่งถือเป็นการติดสินบนเจ้าหน้าที่

     เจ้าหน้าที่อุทยาน ฮันนา โยฮานน์สด็อทเทียร์ (Hanna Jóhannsdóttir) กล่าวว่า อาหารจากประเทศบ้านเกิดของนักท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ใช้ติดสินบนกันมากที่สุด โดยเมื่อไม่นานมานี้ เธอได้ปฏิเสธข้อเสนอการเดินทางไปประเทศดูไบฟรี เพื่อแลกกับการได้ผ่านไม้กั้นหน้าอุทยานเข้าไป

       จริง ๆ แล้ว ปัญหาที่แท้จริงของเรื่องนี้ก็คือ ไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ อาจได้รับความนิยมมากเกินกว่าที่ประเทศจะสามารถรองรับได้

       เมื่อปีที่แล้ว มีผู้เยี่ยมชมไอซ์แลนด์ถึง 2,300,000 คน เทียบกับเพียง 600,000 คนเมื่อแปดปีก่อน จำนวนของนักท่องเที่ยวดังกล่าวมากเกินกว่าที่โครงสร้างพื้นฐานของประเทศจะรองรับได้ และพื้นที่ตามชนบทจำเป็นจะต้องได้รับการปกป้องคุ้มครอง

        ตัวอย่างของสถานที่ยอดนิยมที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ คือซากปรักหักพังของเครื่องบินกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ตกบนหาด Black Sandy เมื่อปี ค.ศ. 1973 ชาวอเมริกันทั้งหมดเจ็ดคนบนเครื่องบิน Douglas DC-3 รอดชีวิตมาได้ แต่ซากของเครื่องบินไม่เคยถูกเคลื่อนย้ายออกไป และตอนนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศ

      ซึ่งนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายเหล่านี้ต่างทิ้งร่องรอยที่กลายเป็นแผลลึกให้กับธรรมชาติ ดังนั้นหุบเขาแห่งนี้จึงตัดสินใจปิดให้บริการชั่วคราวเพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อม

อ่านต่อที่ https://www.voathai.com