10 วิธีกินทุเรียน ให้ได้ประโยชน์
ทุเรียนมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (โดยเฉพาะพันธุ์หมอนทอง) การบริโภคทุเรียนในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันการเกิดโรคในมนุษย์ได้ เช่น โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง http://winne.ws/n5138
คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อทุเรียน
- คาร์โบไฮเดรตได้แก่ซูโครสและฟรุกโตส
- กำมะถันอินทรีย์ (Organosulfur)
- แอนตี้ออกซิแดนท์ (Polyphenols,flavonoids)
- วิตามินและแร่ธาตุทั้งวิตามินเอ, ซี, อี, โพแทสเซียม, ฟอสฟอรัส, ธาตุเหล็ก, แมงกานีส, ทองแดงฯลฯ
นพ.กฤษดา ศิรามพุชแนะนำว่ากินทุเรียนอย่างไร ให้ได้ประโยชน์
1) กินไม่เพิ่มพุง ความน่าเกรงขามอย่างหนึ่งของทุเรียนคือ “กินแล้วอ้วน” ชวนให้ผู้รักสุขภาพ แต่ก็รักทุเรียนไม่น้อย หลายท่านบ่นอุบว่าไม่กล้ากินหรือจะกิน ก็ต้องกินแบบเกรงอกเกรงใจแทบจะสะกิดพูกินกัน ซึ่งที่จริงการกินแบบไม่เสี่ยงเพิ่มพุงให้ยุ่งยากของทุเรียนก็คือไม่ควรกินมากเกินไป และที่สำคัญคือ ไม่ควรกินกับอาหารแป้งหรือของหวานอื่นๆ บ่อยนัก เช่น กินทุเรียนแล้วก็ไม่ต้องซ้ำด้วยของหวานอื่น หรือถ้าจะกินทุเรียนมื้อนี้ ก็ควรกินข้าวให้น้อยแล้วเผื่อท้องไว้แทน รวมถึงไม่ควรกินข้าวเหนียวทุเรียนที่อร่อยหวานมันบ่อยนัก
2) กินลดไขมัน ใครว่าทุเรียนมีแต่น้ำตาลกับแป้งก็ผิดถนัดเพราะในความหวานมันและกลิ่นแรงของมันนั้นมีสารเคมีธรรมชาติที่ช่วยลดไขมันได้จากการวิจัยครับ โดยการทดลองชี้ให้เห็นว่าสารสำคัญในทุเรียนหมอนทองมีส่วนช่วยลดไขมันในเลือดได้ แต่ทั้งนี้อยู่ที่การกินในปริมาณที่เหมาะสมและต้องคุมอาหารอย่างอื่นๆ ด้วยนะครับ เพราะการกินหมอนทองแสนอร่อยทีเดียวหลายพูแล้วก็นั่งอืดอยู่ ไม่สามารถช่วยให้สุขภาพดีได้เลยครับ
3) กินกับผลไม้คู่ พ่อแม่ปู่ย่าเราท่านมีเคล็ดดีๆ ที่น่าประทับใจหลายอย่าง โดยเฉพาะกับเรื่องทุเรียนนี้ท่านว่าให้กินกับ “มังคุด” เพราะท่านว่ามังคุดมีฤทธิ์เย็นช่วยต้านกับทุเรียนร้อนได้ดี ซึ่งเรื่องการกินคู่นี้เป็นสิ่งดียิ่งครับ เพราะในมังคุดมีเส้นใยอาหารสูง มีสารต้านการอักเสบช่วยแก้เรื่องร้อนในและยังมีน้ำในปริมาณมาก ดังนั้นการกินทุเรียนกับมังคุดจึงเข้ากันดีช่วยสุขภาพราวกับกิ่งทองใบหยกจริงๆ ครับ
4) กินดับกลิ่น ปัญหาสำคัญอีกเรื่องคือ กลิ่นที่แรงจัดของทุเรียน ซึ่งถ้าคนชอบก็ยังพอรับได้ แต่ถ้าคนไม่ก็จะกลายเป็นสิ่งชวนไม่ปลื้มทันที ในเรื่องกลิ่นนี้มาจากสารอินทรีย์กำมะถันในทุเรียน ซึ่งการแก้กลิ่นหลังกินทุเรียนนี้คงไม่ถึงขนาดทำให้ไร้กลิ่น แต่ก็พอช่วยบรรเทาไปได้ มีเทคนิคคือ กินฝรั่งห่ามๆ สัก 3-4 ชิ้น, เคี้ยวใบสะระแหน่สด หรือสูตรโบราณท่านว่าให้ดื่มน้ำที่รินใส่เปลือกทุเรียนครับ
5) กินช่วยลำไส้ ถ้าจะกินลูกไม้หนามแหลมนี้ให้ช่วยลำไส้ ขอให้อย่ารับประทานหนักเกินไป เพราะเนื้อทุเรียนจะหมักให้แก๊สทำให้อึดอัดท้อง แต่อาจรับประทานแบบพอประมาณแล้วดื่มน้ำตามได้ หรือจะกินตอนท้องว่างก็ได้ เพราะจะช่วยระบายและไล่เชื้อในลำไส้ด้วยฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์แบบธรรมชาติ ส่วนที่เปลือกมีของดีที่ใช้ฆ่าเชื้อฟันผุในช่องปากได้
6) กินชะลอวัย ทุเรียนไม่ได้กินเพื่อประชดพุงอย่างเดียวนะครับแต่ยังช่วยกระชากวัยได้ด้วย เพราะในทุเรียนมีสารต้านสนิมแก่ที่สำคัญหลายตัวดังที่บอกไป อย่างโพลีฟีนอลส์ และฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีพลังในการต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่น นอกจากนั้นยังมีวิตามินที่ช่วยสุขภาพผิวพรรณอย่างเบต้าแคโรทีน, วิตามินอี และวิตามินซีด้วย ขอท่านที่รักอย่าคิดว่าต้องเปรี้ยวจึงมีซีนะครับ เพราะทุเรียนก็มีกรดแอสคอบิกนี้เช่นกันซึ่งช่วยทำงานร่วมกับคอลลาเจนของท่านด้วย
7) กินเติมแร่ธาตุ ในทุเรียนเนื้อเหลืองมีแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายคนเราขาดไม่ได้อาทิ ธาตุเหล็ก,โพแทสเซียม,แมกนีเซียม,ทองแดง และสังกะสีครบ ท่านที่มีโลหิตจางขาดธาตุเหล็กก็กินทุเรียนอร่อยๆเ ป็นตัวเติมเหล็กได้ ส่วนท่านที่อยากบำรุงเส้นผมก็ได้ “ซิงก์” คือ แร่สังกะสีกับกำมะถัน ที่ช่วยสุขภาพผมที่มีอยู่ในทุเรียนได้ นอกจากนั้นถ้าไม่ได้ป่วยด้วยโรคไตเสื่อมหรือโรคหัวใจทุเรียน ก็เป็นแหล่งโพแทสเซียมที่ช่วยลดความดันได้ด้วยครับ
8) กินเลี่ยงกับยา ท่านที่รับประทานยาประจำอยู่ขอให้จับตาดูนิดหนึ่งครับโดยเฉพาะกับท่านที่เป็น “เบาหวาน” เพราะทุเรียนมีผลให้น้ำตาลขึ้นในเลือดได้ ยิ่งทุเรียนสุกเนื้อเหลืองกลิ่นอวลยิ่งชวนให้น้ำตาลพุ่งปรี๊ดกลายเป็นคนหวานมากแทนอ่อนหวานไปส่วนในท่านที่มีไขมันสูงก็ควรจำกัดปริมาณรับประทานให้เหมาะสมด้วย นอกจากนั้นขอเสริมการกินทุเรียนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นสิ่งที่ไม่ดีมีผลต่อสุขภาพแน่ ขออย่าทานร่วมกันครับ
9) กินเติมวิตามินบี ทุเรียนเป็นแหล่งใหญ่ของ “วิตามินบี” ทั้งบี1, บี2, บี3, บี5 และบี6 ซึ่งช่วยร่างกายเราในการเมตาโบลิซึมคาร์โบไฮเดรต เป็นวิตามินที่ขาดแล้วจะมีปัญหาทันที นอกจากนั้นท่านที่รับประทานเนื้อสัตว์น้อย อาจรับประทานทุเรียนเป็นแหล่งวิตามินบีที่แทนได้ครับ
10) กินเพิ่มพลังงาน ถ้าใครอยากได้พลังงานเร็วๆ เข้าสู่ร่างกายทุเรียนจัดเป็นแหล่งพลังงานสูงเลยครับ ซึ่งขุมพลังจากลูกหนามนี้มาจากคาร์โบไฮเดรต, น้ำตาล และไขมันที่มีอยู่เช่นเดียวกับเพื่อนผลไม้อย่างกล้วย,ขนุนหรืออโวคาโด การรับประทานทุเรียนหลังอาหารมื้อใหญ่อาจทำให้ท่านอิ่มเกินไปจนจุก จึงขอให้วางแผนก่อนกินโดยการลดข้าวและแป้งลง ถ้าหลังจากนั้นจะกินทุเรียนเป็นของหวานครับ
ที่มา http://www.manager.co.th/CelebOnline/
ขอบคุณภาพจาก google.com