ญี่ปุ่นพิสูจน์ !!! เศรษฐกิจกับจิตใจก็ไปคู่กันได้

ประเทศญี่ปุ่นมีขนาดเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลก รายได้เฉลี่ยก็สูงอันดับต้นๆของโลกแต่ระดับจิตใจของเขา ไม่ได้ลดต่ำลง อย่างที่หลายๆคนคิด การอยากรวยจึงไม่ผิดแต่แค่อย่ารวยผิดวิธี ศาสนาสอนให้เป็นคนดี แต่ไม่ได้ห้ามรวย.... http://winne.ws/n6715

1.3 พัน ผู้เข้าชม
ญี่ปุ่นพิสูจน์ !!! เศรษฐกิจกับจิตใจก็ไปคู่กันได้

เมื่อปี 2554 ประเทศญี่ปุ่นพบความพินาศจากภัยธรรมชาติ และการลุ้นระทึกเกี่ยวกับนิวเคลียร์ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เราได้รับรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่นก็คือ พฤติกรรมของชาวญี่ปุ่น

1.แม้ว่าอากาศจะหนาวแค่ไหน แต่เวลาไปรับผ้าห่ม เขาก็จะเข้าแถวยาวเหยียดอยู่ท่ามกลางอากาศหนาว

2.แม้ว่าจะหิวแค่ไหน แต่เวลาไปซื้อหรือรับอาหาร เขาก็จะเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อรอรับอาหารอย่างอดทน

3.ประชาชนในประเทศให้ความร่วมมือ ในการลดการใช้ไฟฟ้า โดยไม่เรียกร้องสิทธิเสรีภาพ

4.ประชาชนพยายามไม่ออกไปไหน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวกหากจะออกไปก็จะพยายามหลีกเลี่ยงเส้นทางหลัก เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้เส้นทางนั้นในการช่วยเหลือผู้อื่น

5.ไม่มีข่าวการปล้นสะดม แย่งชิงหรือแม้แต่ข่าวประชาชนแย่งกันซื้ออาหาร ประชาชนโวยวายที่ไม่มีอะไรจะกิน

6.มีแต่ข่าวผู้คนต่างช่วยเหลือและแบ่งปันซึ่งกันและกันและพยายามใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความลำบากด้วยความอดทน

7.เมื่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เริ่มมีการรั่วไหลเกิดขึ้นคนญี่ปุ่นที่อยู่ห่างไม่กี่กิโลเมตรก็ให้ความร่วมมือกับทางการทุกอย่างและพยายามฟังข่าวสารจากรัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญอย่างมีสติ

ญี่ปุ่นพิสูจน์ !!! เศรษฐกิจกับจิตใจก็ไปคู่กันได้

เรื่องนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่า แนวคิดที่ว่า

หากเรามุ่งพัฒนาทางด้านวัตถุมากๆ เราจะไม่ได้พัฒนาทางจิตใจส่งผลให้ผู้คนที่มีฐานะหรือมีเงินมากขึ้น จะมีระดับของจิตใจที่ต่ำลง เป็นแนวคิดที่อาจจะไม่จริงเสมอไป

เพราะประเทศญี่ปุ่น ถือได้ว่ามีขนาดเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลกรายได้เฉลี่ยก็สูงอันดับต้นๆของโลกแต่ระดับจิตใจของเขา ไม่ได้ลดต่ำลง อย่างที่หลายๆคนคิด

ญี่ปุ่นพิสูจน์ !!! เศรษฐกิจกับจิตใจก็ไปคู่กันได้

เรื่องนี้เมื่อสะท้อนกลับมาที่ประเทศไทย

เราจะอ้างว่า อย่าพัฒนาวัตถุให้มาก เพราะจะทำให้จิตใจของเราต่ำลง ไม่ได้อีกแล้ว เพราะญี่ปุ่นเขาทำให้ดูแล้วว่า สองสิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกันเราสามารถพัฒนาทางด้านวัตถุ ไปพร้อมๆกับการพัฒนาจิตใจได้ ในทางตรงกันข้าม ในขณะที่เราหาข้ออ้างที่จะไม่พัฒนาทางด้านวัตถุให้มากระดับจิตใจของคนในประเทศเราก็ไม่ได้ดีมากขึ้น หรือไม่แม้แต่จะเท่าเดิม ระดับอาชญกรรม ระดับของการเสพแอลกอฮอล์และสิ่งเสพติด ระดับการผิดศีลธรรมของประเทศเราดูจะย่ำแย่ลงเรื่อยๆ

นั่นแปลว่า ทางด้านวัตถุเราก็ไม่ได้พัฒนาให้มากอย่างที่ควรทางด้านจิตใจ เราก็ไม่สามารถรักษาให้ดีได้

 เรื่องราวในประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้เราต้องหันกลับมามองตัวเองบนพื้นฐานของความเป็นจริง เพื่อที่เราจะได้แก้ไขให้ถูกจุดและเมื่อสะท้อนเรื่องระดับประเทศ มาที่เรื่องระดับบุคคล เราจะเห็นว่า เวลาที่คนกลุ่มหนึ่งได้ยินว่าใครอยากรวย คนกลุ่มนี้ก็จะมองว่าคนที่อยากรวยเป็นคนเลว ทำไมไม่พัฒนาจิตใจให้ดี เป็นคนดีก็พอแล้ว อย่าไปคิดเรื่องเงินให้มากเกินไป ในขณะที่คิดแบบนั้น คนจำนวนมากที่พยายามบอกตัวเองว่าไม่อยากรวย และรังเกียจคนที่อยากรวยกลับไม่ได้มีระดับศีลธรรมที่ดีขึ้นสักเท่าไหร่ ยังคงฆ่าสัตว์ ยังคงโกหก ยังคงคดโกง ยังคงมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่สามี-ภรรยา ยังคงดื่มแอลกอฮอล์ ยังคงด่าคน ยังคงโพสท์ถากถาง ยังคงอิจฉาริษยา

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ความอยากรวยกับความคิดที่เป็นอกุศล ไม่จำเป็นต้องไปด้วยกัน

ญี่ปุ่นพิสูจน์ !!! เศรษฐกิจกับจิตใจก็ไปคู่กันได้

ในพระไตรปิฎกนั้น พระพุทธเจ้าก็ไม่เคยห้ามเรารวย ไม่เคยห้ามเราอยากรวย ขอเพียงเราอยู่ในกรอบทำบุญละบาปไม่ผิดศีล ถ้าเราอยากรวยก็ไม่ผิดอะไร

ญี่ปุ่นพิสูจน์ !!! เศรษฐกิจกับจิตใจก็ไปคู่กันได้

นั่นคือ ถ้าเราอยากรวย พร้อมๆไปกับพยายามขยันขันแข็งทำงานด้วยความรับผิดชอบ

แล้วเราไม่ฆ่าสัตว์ ไม่โกหก ไม่คดโกง ไม่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่สามี-ภรรยา ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ด่าคน ไม่โพสท์ถากถาง ไม่อิจฉาริษยา  ไม่ทำบาปทั้งปวงและทำบุญทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้

วันหนึ่ง เราก็สามารถเป็นคนรวย โดยไม่จำเป็นต้องมีระดับจิตใจที่ต่ำลง นั่นคือ เป็นเราสามารถคนรวยที่มีศีลมีธรรมได้

ญี่ปุ่นพิสูจน์ !!! เศรษฐกิจกับจิตใจก็ไปคู่กันได้

ในคำสอนทางพระพุทธศาสนา เชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรม คนเกิดมารวย จน หรือมีโอกาสที่แตกต่างกันนั่นไม่ใช่เรื่องบัญเอิญ แต่เป็นเพราะกรรม(ผลจากคำพูด การกระทำและใจ) ที่เราทำมาไว้เองในอดีต แม้อดีตจะแก้ไขไม่ได้ แต่เราสามารถออกแบบชีวิตอนาคตได้ ด้วยการละบาป ทำดี และสุดท้ายทำใจให้ผ่องใส ด้วยการนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมเพื่อจะได้มีความคิดที่ดีๆตามมาด้วย

แชร์