อ่านแล้วซึ้ง!!!เรื่องราว ของขนมครก..ขนมแห่งความรัก
ชาวบ้านที่ศรัทธาในความรักของไอ้กะทิ กับ แม่แป้ง ก็จะตื่นตั้งแต่เช้ามืด เข้าครัวเพื่อทำขนมที่หอมหวานปรุงจากแป้ง และกะทิ บรรจงหยอดลงหลุม พอสุกได้ที่ก็แคะจากหลุม แล้วนำมาวางคว่ำหน้าซ้อนกันเป็นสัญลักษณ์ว่า "จะได้อยู่ร่วมกันตลอดไป" http://winne.ws/n22443
ขนม....ความ.....รัก....
คนญี่ปุ่นช่างคิด ช่างทำ สร้างและรักษา วัฒนธรรม ของตัวเอง ลงรายละเอียด ทุกอย่างมี เรื่องราวเบื้องหลังหมด.
แยกเรื่องราวลงไปในระดับท้องถิ่น จังหวัด ภาค ต่างๆ.
แล้วก็พยายาม เก็บรักษา พัฒนาสิ่งที่ดี ๆ. แต่ก็ไม่ละทิ้งรากเง่าของตัวเอง ความเชื่อต่างๆ
แม้แต่ขนม..
แต่ละอย่างก็สร้างเรื่องราวที่มา และ วิธีการนำไปใช้. จะทานกันในฤดูไหน วันไหน ถ้าเป็นคำพูดสมัยใหม่ก็คือ การส่งเสริมการขาย การตลาดแบบหนึ่ง
แล้วขนมไทยล่ะ
ขนมไทย เด็กรุ่นหลัง เรียกขนมไทย อยู่สองชื่อ มี ชื่อ ไอ้นี่ กับไอ้นั่น
เวลาแม้ค้าถาม ก็บอก เอาไอ้นี่ ถ้าไกลหน่อย ก็เอาไอ้นั่น. ..
ประวัติไม่ต้องพูดถึง ..ชื่อยังไม่รู้จัก
ส่วนการจะได้รับการสนับสนุนนั้น .... เฮ้ออ. ยุคนี้แค่ทำขนมให้ขายได้ไปวันๆ ก็คงจะคิดกันได้แค่นี้
ภาคบ้าน ภาควัด จะช่วยในการสร้างวัฒนธรรม ที่สวยหรูอะไรอย่างไงคงคิดกันไม่ออก
ก็น่าสงสารเหมือนกัน ที่สิ่งที่บรรพบุรุษ บรรพสตรี ไทยได้เพียรสร้างสมไว้ จะไม่เหลือไว้ในรุ่นต่อไป
เกริ่นมาซะยืดยาว
วันนี้ ไปเจอบทความที่พยายามสร้างเรื่องราว ของขนมครกมา อ่านแล้วก็ น่ารักดี
ก็ลองอ่านดู
วันหน้าใครทานขนมครก แล้วน้ำตาไหล จะได้ทราบว่า ไม่ใช่เพราะลืมเป่ามัน แต่ะเพราะมันมีที่มา
ประวัติของขนมครก
ไอ้กะทิ หนุ่มน้อยแห่งดงมะพร้าวเตี้ย แอบมีความรักกับ หนูแป้ง สาวสวยประจำหมู่บ้านซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของผู้ใหญ่บ้าน ทั้งคู่เจอกันวันลอยกระทง และสัญญากันต่อหน้าพระจันทร์ ไม่ว่าข้างหน้าแม้จะมีอุปสรรคขวางกั้นเพียงใด ทั้งคู่ก็จะขอยึดมั่นความรักแท้ที่มีต่อกันชั่วฟ้าดินสลาย
ไอ้กะทิ ก้มหน้าก้มตาเก็บหอมรอมริบหาเงินเพื่อมาสู่ขอลูกสาวจากผู้ใหญ่บ้าน แต่กลับถูกปฏิเสธแถมยังโดนผู้ใหญ่ส่งชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธครบมือมาลอบทำร้าย แต่ไอ้กะทิก็ไม่ว่ากระไร มันพาร่างอันสะบักสะบอมกลับไปบ้าน นอนหยอดน้ำข้าวต้มซะหลายวัน แต่ใจยังตั้งมั่นว่า วันหน้าจะมาสู่ขอหนูแป้งใหม่จนกว่าผู้ใหญ่จะใจอ่อน
ไอ้กะทิ ก็พังพินาศเมื่อผู้ใหญ่ยก หนูแป้ง ลูกสาวคนสวยให้แต่งงานกับปลัดหนุ่มจากบางกอก ไอ้กะทิ รู้ข่าวจึงรีบกระเสือกกระสนหมายจะมายับยั้งการแต่งงานครั้งนี้ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็วางแผนป้องกันไว้แล้ว โดยขุดหลุมพรางดักรอไว้ แต่แม่แป้งแอบได้ยินแผนร้ายเสียก่อน จึงลอบหนีออกมาหมายจะห้ามหนุ่มคนรักไม่ให้ตกหลุมพราง
คืนนั้นเป็นคืนเดือนแรม หนูแป้งวิ่งฝ่าความมืดออกมาเพื่อดักหน้าไอ้กะทิ ไอ้กะทิเห็นหนูแป้งวิ่งมาก็ดีใจทั้งคู่รีบวิ่งเข้าหากัน ฉับพลัน!!...ร่างของหนูแป้งก็ร่วงหล่นลงไปในหลุมพรางของผู้ใหญ่ฯผู้เป็นพ่อ ต่อหน้าต่อตาไอ้กะทิ อารามตกใจนายกะทิก็รีบกระโดดตามลงไปเพื่อช่วยเหลือหนูแป้ง อารามดีใจสมุนชายฉกรรจ์ของผู้ใหญ่บ้านซึ่งแอบซุ่มอยู่ ก็รีบเข้ามาโกยดินฝังกลบหลุมที่ทั้งคู่หล่นลงไป เพราะคิดว่าในหลุมมีเพียงไอ้กะทิผู้เดียว ...
รุ่งเช้าผู้ใหญ่บ้านสั่งให้ขุดหลุมเพื่อดูผลงาน แทบไม่เชื่อสายตาเบื้องล่างปรากฏร่างของ ไอ้กะทิตระกองกอดทับร่างหนูแป้งลูกสาวของตน ทั้งสองนอนตายคู่กันอย่างมีความสุข เมื่อรอยยิ้มถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตา ผู้ใหญ่บ้านรำพึงต่อหน้าศพของลูกสาวว่า..
"พ่อไม่น่าคิดทำลายความรักของลูกเลย"
ตั้งแต่นั้นมาอนุสรณ์แห่งความรักที่กระทำสืบทอดกันมาจนเป็นประเพณี ทุกแรม ๖ ค่ำ เดือน ๖ ชาวบ้านที่ศรัทธาในความรักของไอ้กะทิ กับ แม่แป้ง ก็จะตื่นตั้งแต่เช้ามืด เข้าครัวเพื่อทำขนมที่หอมหวานปรุงจากแป้ง และกะทิ บรรจงหยอดลงหลุม พอสุกได้ที่ก็แคะจากหลุม แล้วนำมาวางคว่ำหน้าซ้อนกันเป็นสัญลักษณ์ว่า "จะได้อยู่ร่วมกันตลอดไป" ขนมนี้จึงถูกเรียกขานกันในนาม
"ขนมแห่งความรัก" หรือ ขนม คน-รัก-กัน ต่อมาถูกเรียกย่อ ๆ ว่า 'ขนม ค-ร-ก' นั่นเอง
๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑
สรุปว่า ทำดีๆ อีกหน่อย 14 กพ. ชาวโลกแจกชอคโกแลต. ไทยเราก็ซื้อขนมครกมามอบให้กัน. ..
ทั้งหอม ทั้งหวาน ทั้งอบอุ่น
ชื่นมื่น
ขอบคณข้อมูลจาก Lineวิโรจโน