มือถือหายทำไงดี? อย่าตกใจ ตั้งสติ แล้วทำตามนี้ อาจได้เครื่องคืน
การติดตามนั้นว่ายากแล้ว การยืนยันการเป็นเจ้าของมือถือของตนเองนั่นยิ่งยากกว่า ดังนั้น อันดับแรก เมื่อซื้อมือถือใหม่ อยากจะให้ จดเลขอีมี่ (IMEI) ของตัวเครื่องไว้ในที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายรูปกล่อง ใส่ไว้ในที่ปลอดภัย http://winne.ws/n18945
มือถือหาย อย่าตกใจ ตั้งสติ แล้วทำตามนี้ อาจได้เครื่องคืน
เมื่อเรารู้ตัวว่ามือถือหาย สิ่งที่เราคิดต่อไปก็คือ อยากตามหามือถือของเราให้เจอ ซึ่งการติดตามนั้นว่ายากแล้ว การยืนยันการเป็นเจ้าของมือถือของตนเองนั่นยิ่งยากกว่า ดังนั้น อันดับแรก เมื่อซื้อมือถือใหม่ อยากจะให้ จดเลขอีมี่ (IMEI) ของตัวเครื่องไว้ในที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายรูปกล่อง ใส่ไว้ในที่ปลอดภัย อัพโหลดไว้บน Cloud การจดเลขอีมี่ การเก็บใบเสร็จรับเงินเอาไว้ที่บ้านพร้อมกล่อง แต่ถ้าซื้อเครื่องมือสอง ก็ต้องมีหลักฐานที่แสดงได้ว่าเราเป็นเจ้าของเครื่อง ซื้อเครื่องมาอย่างถูกต้อง
สาเหตุที่ต้องแนะนำและกำชับว่า เราควรมีเลข IMEI เครื่อง ก็เพราะว่า เราจะต้องนำเลข IMEI ไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อมือถือหาย จากนั้นยื่นเรื่องให้กับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ AIS, dtac, TrueMove H ยื่นทุกค่าย เพื่อติดตามหาเครื่องจากเลข IMEI ของตัวเครื่อง ซึ่งปกติหากเป็นการขโมย เครื่อง หรือเก็บได้ ผู้ที่เก็บได้ (เจตนาไม่ดี) มักจะทิ้งซิมที่ติดมากับเครื่อง แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม ที่มีคนเอาซิมตัวเอง (คนไม่ประสงค์ดี) ไปใส่ในเครื่องที่ขโมยมา ผู้ให้บริการจะทราบทันทีว่าเบอร์ไหนที่ครอบครองมือถือของเรา หรือแม้แต่เอาไปขาย ก็ตรวจสอบจากอีมี่ได้ว่า เครื่องนี้เจ้าของเครื่องแจ้ง (เครื่อง) หายไว้
วิธีดูเลข IMEI
ง่ายที่สุด คือกด *#06# เมื่อกด # เสร็จปุ๊บ จะมีเลข IMEI ขึ้นมาบนหน้าจอ ให้ Capture จับภาพหน้าจอไว้แล้วพรินต์ออกมาเก็บไว้ในที่ปลอดภัย หรือถ้าใช้ iPhone iPad สามารถดูเลข IMEI ผ่านตัวเครื่อง โดยไปที่การตั้งค่า > ทั่วไป > เกี่ยวกับ แล้วมองหาหมายเลขประจำเครื่อง, IMEI/MEID และ ICCID ของอุปกรณ์ หรือดูหลังกล่อง หรือหลังตัวเครื่อง
ค้นหาหมายเลขประจำเครื่องสำหรับ iPad Pro, iPad หรือ iPod touch ที่ด้านหลังของอุปกรณ์ คุณจะเห็น IMEI บน iPad (รุ่น Cellular) อีกด้วย MEID คือ ตัวเลข IMEI 14 หลักแรก รายละเอียด https://support.apple.com/th-th/HT204073
ขั้นตอนหลักๆ เมื่อมือถือหาย โทรกลับไปแล้วก็ไร้วี่แววจะได้เครื่องคืน อยากจะให้รีบระงับการโทรออก ระงับการใช้ซิมก่อน โดยติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายที่เราใช้งาน จากนั้น ให้รีบดำเนินการดังนี้
ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ที่คิดว่าเครื่องหาย
ในเบื้องต้น แนะนำให้ติดต่อเพื่อแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ซึ่งทำเครื่องสูญหาย โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกหนังสือราชการ หนังสือตราครุฑ (ไม่ใช่ใบบันทึกประจำวัน) ขอข้อมูลเป็นหมายเรียกพยานเอกสาร ระบุชื่อบริษัทมือถือทั้ง 3 บริษัท พร้อมระบุถึงพฤติกรรมของคดี เป็นมาอย่างไร หายได้อย่างไร ขณะนั้นทำอะไรอยู่ ระบุหมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าของเครื่องคือเบอร์ใด และรุ่น สี ความจุหน่วยความจำเครื่อง รูปพรรณสัญฐาน เช่น หน้าจอมีรอยแตกจากมุมขวา ไม่ต้องระบุเคส เพราะถ้าโดนขโมยก็มักจะโดนถอดเคสทิ้งไป ระบุ IMEI 15 หลัก ให้ชัดเจน (จากที่บอกข้างต้น เลข IMEI 15 หลัก สำคัญมากที่สุด ในการยืนยันว่าตัวเครื่องเป็นเครื่องของเราครับ)
หาก IMEI เครื่องนี้ ถูกนำไปใส่ซิมค่ายไหนก็ตาม (ควรแจ้งทุกค่าย) หนทางที่ยังพอจะตามหาเครื่องก็คือ ตอนที่มีใครสักคน เอาซิมค่ายใดค่ายหนึ่งใส่เครื่องเรานั่นแหล่ะครับ ตอนนั้นผู้ให้บริการ (โอเปอเรเตอร์มือถือ) จะทราบทันทีว่า เครื่องเราถูกเชื่อมต่อกับซิมเบอร์ใด ของค่ายใด จับสัญญาณบริเวณใด แล้วก็จะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
สิ่งที่ต้องเตรียม
เบอร์โทรศัพท์ในเครื่องที่หาย (ถ้าจำไม่ได้ ก็ตัวใครตัวมันแล้ว)
เลขที่ IMEI 15 หลัก (อันนี้สำคัญมาก หรือถ้าใครเก็บใบเสร็จไว้ มีเลขอีมี่ ก็ยิ่งยืนยันความเป็นเจ้าของได้ชัดเจน)
ชื่อผู้แจ้งความ
วัน เวลา และสถานที่ที่เกิดเหตุ
ขั้นตอน
แจ้งความ เพื่อขอหนังสือตราครุฑ (ไม่ใช่ใบบันทึกประจำวัน) เพื่อขอหมายเรียกพยานเอกสาร
ติดต่อผู้ให้บริการ นำหนังสือตราครุฑ หมายเรียกพยานเอกสาร ไปติดต่อผู้ให้บริการตามรายละเอียดด้านล่าง
รายละเอียด
แจ้งพนักงานสอบสวน ออกหนังสือตราครุฑ (ไม่ใช่ใบบันทึกประจำวัน) ขอหนังสือหมายเรียกพยาน 3 ฉบับ ระบุดังนี้
AIS : เรียน "ผู้จัดการฝ่ายป้องกันและปราบปรามการทุจริต บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน), บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด"
dtac : เรียน "กรรมการผู้จัดการบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) "
TrueMove H : เรียน "กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรียล มูฟ จำกัด"
พร้อมลงนามเจ้าหน้าที่ที่ออกหมายเรียกเอกสาร และแนบสำเนาบัตรข้าราชการของผู้ลงนามในหมายเรียกเอกสาร พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องด้วยลายมือชื่อ ส่วนคนที่มือถือหาย แสดงบัตรประชาชนตัวจริง พร้อมถ่ายสำเนาเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องด้วยลายมือชื่อ ต่อหน้าเจ้าพนักงาน
ยื่นเอกสารได้ที่
dtac : นำส่งด้วยตนเองที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค หรือ ส่งไปรษณีย์มาที่ ตู้ ปณ. 44 ปณฝ.ด่านสำโรง จ.สมุทรปราการ 10273
TrueMove H : นำส่งด้วยตนเองที่ทรูช้อปทุกสาขา หรือ ส่งไปรษณีย์มาที่ กองงานกฎหมาย อาคาร True Tower ชั้น 28 เลขที่ 18 ถ.รัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. 10310
AIS : ไม่ต้องไปช้อป (ข้อมูลจาก [email protected]) เพราะทาง AIS ได้อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานงานกับ AIS เพื่อขอข้อมูลเครื่องที่สูญหาย ไม่ต้องติดต่อที่ AIS Shop หรือ AIS Call Center เนื่องจากกระบวนการติดตามทางกฏหมายจะดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงช่องทางเดียว ระยะเวลาในการดำเนินการและการติดตามผลการดำเนินการ ไม่เกิน 1 เดือน
คำแนะนำ
แนะนำให้ส่งหาทุกเครือข่าย ทั้ง 3 ค่าย เพราะหากว่า มีคนเอาเครื่องเราไปใส่ซิมของเครือข่ายใด แล้วเครือข่ายนั้นจับ IMEI ของเครื่องเราได้ ก็จะสามารถตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของตัวเครื่องได้ครับ
สอบถามความคืบหน้า
AIS : ฝ่ายกฏหมาย ได้ที่หมายเลข 02-029-5834 (ช่วงเวลาติดต่อ จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-17.30 น ยกเว้นเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
TrueMove H : หมายเลข 026992616 ,026996336 ในวันและเวลาทำการ
dtac : สอบถามกับทางพนักงานสอบสวนที่รับเรื่องไว้โดยตรง
ถึงขั้นตอนนี้ หลายๆ คนมองว่า ทำไมผู้ให้บริการไม่ติดต่อกลับมา ต้องบอกว่า การตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการ อยู่ภายใต้การคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย จึงเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนเท่านั้น บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ทำได้เพียงให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าได้
กรณีที่เครื่องที่สูญหาย ถูกนำไปใช้กับผู้ให้บริการรายอื่น (ไม่ใช่ค่ายที่เราใช้ปัจจุบัน) หากตรวจสอบข้อมูลแล้วได้ผลประการใดบริษัทฯ จะมีหนังสือแจ้งไปยังพนักงานสอบสวนอีกครั้ง ดังนั้นรอเจ้าหน้าที่ดีกว่าครับ
อ้างอิงข้อมูล จาก Call Center ที่อยู่บน Pantip ทั้ง 3 ค่ายมือถือ AIS dtac TrueMove H
ระยะเวลา
แม้จะใช้เวลาประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน ดังนั้น แม้มือถือหาย ก็ยังมีความหวังอยู่บ้าง แต่ระยะเวลานานแบบนี้ เราเองนอกจากทำตามขั้นตอนข้างต้นแล้ว ก็ควรช่วยเหลือตนเองคือ การติดตามเครื่องหายด้วยตนเอง ในช่วง 1 - 6 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ น่าจะพอมีความหวังอยู่บ้าง โดยแนะนำให้ทำการเปิดใช้บริการ Find my Phone หรือบริการค้นหาเครื่องโทรศัพท์มือถือจากตำแหน่ง GPS ก่อนเครื่องหาย
ถ้าใครใช้มือถือของ Samsung จะมีบริการ Samsung Dive เข้าไปที่ http://findmymobile.samsung.com ผ่านมือถือเครื่องอื่น ได้ทั้ง iPhone iPad Android คอมพิวเตอร์ ล็อกอินด้วยบัญชี Samsung Account เดียวกับบัญชีที่ล็อกอินบนมือถือ Samsung ของเรา เพื่อดูตำแหน่ง สั่งล็อกเครื่อง เรียกให้เครื่องร้องเตือนเสียงดัง หรือลบข้อมูลออกจากอุปกรณ์ของเราไม่ให้ใครเอาข้อมูลเราไปใช้งานได้ ความเจ๋งอีกอย่างนึงก็คือดูได้ว่าแบตมือถือเราใกล้หมดหรือยัง ยังพอติดตามได้อีกนานแค่ไหน
แจ้งศูนย์ Samsung ไว้
อีกวิธีหนึ่งที่แนะนำคือ หากมีการล็อคหน้าจอไว้ คนที่เก็บเครื่องได้ จะใช้งานไม่ได้ เพราะปลดล็อกเครื่องไม่ได้ จำเป็นจะต้องนำเครื่องเข้าไปล้างเครื่องที่ศูนย์บริการ เราก็ใช้วิธีการโทรเข้า
Call Center โทร 02-689-3232 ฝากเรื่องกับเจ้าหน้าที่ ถ้ามีคนนำเครื่องที่ถูกขโมยไปไปใช้บริการที่ศูนย์บริการจะสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นเครื่องของเรา (วิธีนี้ นำมาจาก Pantip โดยทาง SAMSUNG แนะนำมาครับ)
มือถือ Android หาย ติดตามด้วย Android Device Manager
ตรวจสอบและติดตามตำแหน่งด้วย Android Device Manager วิธีการก็คือ ติดตั้งแอพฯ ชื่อ Android Device Manager บนมือถือ Android โดยล็อกอินด้วยบัญชี Google เพื่อระบุตำแหน่งที่ตั้งของมือถือของเรา วิธีนี้ เราสามารถดูมือถือทุกเครื่องที่ผูกด้วยบัญชี Google เดียวกันได้ทุกเครื่อง โดยเราสามารถสั่งล็อกเครื่อง ลบข้อมูล ส่งเสียงริงโทนเตือนดัง 5 นาทีได้ (ผู้อื่นปิดเสียงไม่ได้ นอกจากเรา)
เมื่อมือถือหาย วิธีนี้ สามารถดูได้จากมือถือ Android เครื่องอื่น ที่ผูกบัญชี Google เดียวกัน หรืออีกวิธีคือการเข้าเว็บไซต์ https://www.google.com/android/devicemanager ผ่านบราวเซอร์ บนมือถือเครื่องอื่น หรือคอมพิวเตอร์ แล้วล็อกอินด้วยบัญชี Google เดียวกับมือถือที่หาย
iPhone, iPad หรือ iPod touch หายหรือถูกขโมย ติดตามด้วย Find My iPhone - iCloud
คนที่ใช้มือถือ iPhone, iPad, iPod Touch หากมีการเชื่อมต่อด้วยบัญชี Apple ID เดียวกัน สามารถค้นหาเครื่องผ่าน Find My iPhone (ต้องมีการตั้งค่าไว้ก่อนเครื่องหาย) โดยแบ่งเป็น 2 วิธีคือ
หากเปิดการค้นหา iPhone ไว้ ก่อนเครื่องหาย สามารถใช้แอพฯ ค้นหาอุปกรณ์ได้
หากไม่ได้เปิดค้นหา iPhone ไว้ ก่อนเครื่องหาย ให้เปลี่ยนรหัสผ่านของ iCloud แล้วรายงานว่าอุปกรณ์สูญหาย
Find my iPhone สามารถค้นหา ติดตาม ตำแหน่ง สถานที่ของ iPhone ได้แบบเรียลไทม์ โดยลงชื่อเข้าใช้บัญชี iCloud ผ่านคอมพิวเตอร์ มือถือเครื่องอื่น โดยเข้าไปที่ icloud.com/find หรือใช้แอพฯ ค้นหา iPhone ใน iPhone, iPad หรือ iPod touch เครื่องอื่น ถ้ามี Android ก็เข้าผ่านเบราวเซอร์แทน
ถ้ามือถือที่หาย ยังมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ระบุตำแหน่งที่ตั้งได้ หากเราติดตามเจอ ก็สามารถทำให้อุปกรณ์เล่นเสียงเตือน เพื่อให้คนที่เก็บเครื่องได้ รู้ตัวว่าเจ้าของตามหาเครื่องอยู่ หรือแม้แต่เราวางเครื่องไว้ แล้วหาไม่เจอ ก็ใช้วิธีนี้ได้เช่นกัน
หากเครื่องเราหาย สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้ก็คือ ติดตามจากตำแหน่งที่ตั้ง สั่งล็อกเครื่องได้ โดยใช้รหัสผ่านของเรา และส่งข้อความให้คนที่เก็บเครื่องได้โทรกลับเบอร์ที่ติดต่อเจ้าของเครื่องได้ (ถ้ามีเจตนาดี) และถ้ามีการเพิ่มบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ระบบจะระงับไม่ให้สามารถชำระเงินได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://support.apple.com/th-th/HT201472
แนะนำว่าวิธีนี้ สามารถติดตามมือถือหายได้ ก็ต่อเมื่อมือถือนั้นยังสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ นั่นหมายความว่า หากรู้ตัวว่ามือถือหายในช่วง 1-3 ชั่วโมง น่าจะยังพอตรวจสอบตำแหน่งได้ แต่หากแบตมือถือหมด หรือมือถือไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ก็น่าจะดูได้คร่าว ๆ ว่าตำแหน่งสุดท้าย ของมือถืออยู่ที่ใด
นอกจากนี้ หากมือถือหาย เราควรแจ้งธนาคาร เพื่อขอเปลี่ยนรหัสหรือย้ายเครื่อง Mobile Banking แอพฯ ที่เกี่ยวข้องกับการเงินทั้งหมด เปลี่ยนรหัส Apple ID, Google Account เปลี่ยนรหัสผ่านของแอพฯ ต่างๆ อีเมล์ Cloud Drive ต่างๆ เช่น Dropbox แต่ถ้าเราสั่งลบอุปกรณ์ของเราได้ ข้อมูลของเราก็จะปลอดภัย แต่ทางที่ดีแนะนำให้เปลี่ยนรหัสด้วยจะสบายใจกว่า
จากที่แนะนำไปข้างต้น ก็เป็นวิธีและขั้นตอนเมื่อมือถือหาย ลองติดตามดูก่อน เมื่อเห็นว่าหมดหนทางติดตาม ก็แจ้งตำรวจตามขั้นตอนที่แนะนำ อย่างน้อยก็พอมีโอกาสได้เครื่องคืน ข้อมูลเราพยายาม Sync ไว้บ่อยๆ ผู้เขียนแนะนำเพิ่มเติมให้สำรองข้อมูลบนคอมพิวเตอร์บ่อยๆ ก่อนหน้านี้ ผู้เขียนพยายามสำรองข้อมูลโดยเอารูปภาพ วีดีโอ ลงคอมพิวเตอร์ทุกเดือน เพื่อสำรองไว้บนคอมพิวเตอร์ที่บ้าน หรือ External Harddisk ไว้ ทำให้เมื่อมือถือหาย ข้อมูลเราก็ยังอยู่ครบ หรือเก็บภาพ วีดีโอ ไว้บน Cloud
ลองอ่านวิธีสำรองข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://tips.thaiware.com/491.html
สำหรับ Android และ https://tips.thaiware.com/178.htmlสำหรับ iPhone iPad
ที่มา : pantip.com
อ่านเพิ่มได้ที่ : https://tips.thaiware.com/527.html